01 กุมภาพันธ์ 2556

พื้นฐานจักรยาน

จาก BMX เมื่อวัยเยาว์

ผมเองเป็นด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ได้ขัดขี่จักรยานเมื่อตอนอายุ 7 ขวบ แน่นอนว่ามีร่องรอยของประสบการณ์เป็นแผลเป็นตามร่างกายอยู่เป็นแห่ง ทั้งที่หัวเข่า ข้อศอก หลังมือ จนอายุ 12 ได้จักรยาน BMX ราคาไม่แพงมา 1 คัน เป็นมรดกมาจากพี่ชายสมัยปี 2538 เนื่องจากพี่ชายไปเรียนมัธยมแล้ว ไม่มาชี่จักรยานเล่นแบบเด็ก ๆ อีก

ตอนนั้น เงินก็ไม่ค่อยมี แต่ก็ยังพยายามแต่งรถ เท่าที่จะทำได้ เงินที่มีก็เป็นค่าขนมที่ได้จากโรงเรียน วันละ 30 บาท แต่งรถทีละ 400 โห เริ่มจากเปลี่ยนแฮน เป็นของ Haro เปลี่ยนอาน ให้เป็นอานพลาสติกแข็ง เปลี่ยนยาง ให้เป็นยางเรียบ จะได้ปั่นเร็ว ๆ (เทคนิคในการเปลี่ยนคือ ใช้ให้พัง) เปลี่ยนผ้าเบรกให้เบรกนึบ เวลาปัดท้ายจะได้สวย ๆ

พื้นที่ในการขี่สมัยนั้น มีอยู่ 2 ที คือในซอยเล็กๆ ข้างบ้าน และฟุตบาตหน้าบ้าน เนื่องจากทางบ้านไม่อนุญาติให้ลงถนน กลัวอันตราย จะขี่ไปไกลสุดได้แค่ตลาดมหาสินซึ่งอยู่กลางซอยระยะทางประมาณ 500 เมตร และต้องขี่บนฟุตบาตเท่านั้น ห้ามขี่บนถนน สิ่งที่ได้โดยไม่ตั้งใจจากการถูกบังคับแบบนี้คือ การควบคุมรถในทางแคบ และไม่เรียบ เพราะฟุตบาตในสมันนั้น กว้างประมาณ 2 เมตรเท่านั้น และยังมีตู้โทรศัพท์ เสาไฟ คนเดินสวน ระหว่างทางมีซอยคั่น แรก ๆ พอถึงปากซอยที่ฟุตบาตหมด ก็ลง และจูงไป แต่หลัง ๆ ใช้รถกระโดดลง และกระโดดขึ้นได้ แต่พอเข้าเรียนมัธยมในปี 2539 แล้ว โอกาสในการได้มาขี่รถเล่นช่วงเย็น ๆ ก็น้อยลง เพื่อน ๆ แถวบ้านก็หายหน้าหายตากันไปหมด จนในที่สุด ก็เลิกขี่ในปี 2535 และจักรยานคันนั้น ก็ทรุดโทรม กลายเป็นเศษเหล็กไปในที่สุด

เสือหมอบ


อีกครั้งที่ได้มาขี่จักรยาน โดยการไปขอจักรยานจากน้า ซึ่งเป็นจักรยานที่้น้าไม่ได้ใช้แล้ว มันคือเสือหมอบ จักรยานคันใหญ่ที่สามารถทำความเร็วได้ดี (ตามความคิดสมัยนั้น) ยี่ห้อ Scorpion เป็นเสือหมอบแบบโบราณ คันนี้ซื้อมาประมาณปี 2530 มี 10 เกียร์ เกียร์หน้า 50/40 เกียร์หลัง 15-27 ขนาดล้อ 27 นิ้ว เบรกก้ามปูธรรมดา ได้มาครั้งแรก ขี่ยากมาก เพราะคันใหญ่ และหนัก น้ำหนักรถประมาณ 15 กิโลกรัม 

คันนี้แหละ เสือหมอบคันแรก

แต่เมื่อได้มา ก็ยังไม่ได้ขี่อะไรมากมายนัก เพราะว่าชีวิตส่วนใหญ่ อยู่ที่โรงเรียน และ มหาวิทยาลัย จนเวลาผ่านล่วงเลยไปเรื่อย ๆ 

ปี 2549 ได้กลับมาขี่อีกครั้ง เนื่องจากตอนนั้นว่างงาน และต้องการประหยัดเงินในการเดินทาง จึงได้เอาเจ้าเสือหมอบไปซ่อมแซม เปลี่ยนยาง เปลี่ยนเบรค ติดไฟหลัง เพิ่มแผ่นสะท้อนแสงด้านหน้า เป็นอันใช้ได้ แล้วเอาไว้ถีบใกล้ ๆ ระยะทางไม่เกิน 5 กม. ครั้งแรกสุดที่ถีบทางไกล เป็นการถีบจากปากซอยอุดมสุขไปถึงสวนหลวง ร. 9 เหนื่อยมาก ทำไม่รถหนักอย่างนี้ ตอนนั้นไม่รู้ว่าการถีบควรจะออมแรกเอาไว้อย่างไร เห็นว่าเป็นเสือหมอบ ต้องวิ่งเร็ว ๆ เท่านั้น มีเท่าไหร่ใส่หมด แป็บเดียว หมดแรง ขาแทบเดินไม่ได้ คราวนี้ถีบได้นานหน่อย ประมาณ 5 เดือน จนได้งานใหม่ เลิกถีบอีกตามเคย

ปลาย ปี 2552 อยากจะออกกำลังกายด้วยจักรยาน เจ้าเสือหมอบถูกหยิบขึ้นมาอีกครั้ง ไปซื้อเบาะใหม่เพราะของเก่าเป็นเบาะอานแบบแทบจะไม่มีบุอะไรไว้เลย เป็นอานแบบมีบุนวมนิ่ม ๆ หน่อย จะได่ไม่เจ็บก้น ราคาประมาณ 400 บาท ติดตะแกรงหลัง เพื่อเอาไว้ใส่ของหรือซ้อยท้ายได้ ติดที่วางขาด้านหลังเอาไว้ด้วย ครั้งแรกที่เริ่มปั่น ระยะทาง 1 กม. หมดแรง ปวดกล้ามเนื้อขา พักไป 1 สัปดาห์ เอาใหม่ คราวนี้ได้ 2 กม. หมดแรง ต่อมาได้ประมาณ 8 กม. เริ่มจากบ้าน สุขุมวิท 101/1 ไปซอยอุดมสุข เข้าซอยประวิทย์และเพื่อน กลับเข้าสุขุมวิท 101/1 เข้าบ้าน ทำอย่างนี้อยู่ได้ประมาณ 3-4 ครั้ง กำลังเริม่อยู่ตัว ส่วนใหญ่จะใช้เวลาช่วงหัวค่ำในการปั่น ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

ต่อมาเริ่มใจกล้า ปั่นทางไกลมาขึ้น ออกจากบ้าน เข้าสี่แยกบางนา ไปถึงกิ่งแก้ว กม. 11 ยกรถข้ามสะพานลอย ปั่นกลับ ถึงสะพานข้ามแยกวัดศรีเอี่ยม เลี้ยวขึ้นสะพาน เข้าถนนศรีนครินทร์ เข้าอุดมสุข และเข้าบ้านสุขุมวิท 101/1 รวมระยะทางประมาณ 25 กม. ทำได้อยู่ประมาณ 3 ครั้ง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ความเร็วที่ทำได้ ใช้เกียร์สูงสุดที่มี น่าจะได้เกิน 30 กม. ต่อชั่วโมง 

คราวนี้เริ่มย่ามใจ จนนำมาสู่การเลิกขี่เสือหมอบ คราวนี้มาขี่ช่วงเช้า ออกจากบ้านเหมือนเดิม เข้าบางนา-ตราด ถึง กม. 8 เข้าถนนเลีบลทางด่วงวงแหวนตะวันออก ไปจนสุดทาง เข้าถนนอ่อนนุช เข้าถนนเฉลิมพระเกียรติ (อุดมสุข) กลับเข้าบ้าน รวมระยะทางประมาณ 35 กิโล ใช้เวลาประมาณ 2 ช่วงโมง แบบนี้ครั้งแรกก็ยังดี ๆ พอครั้งที่ 2 รถเริ่มดัง ล้อแกว่ง หมาวิ่งไล่เห่ากันเป็นฝูงเลย อั๋ยหยา ทำไง ปั่นแบบไม่ลืมหูลืมตาเลยคราวนี้ สุดท้าย กลับมาดูสภาพรถ เพลาเบี้ยว ลูกปืนดัง เลยไม่ได้ปั่นในระยะทางไกล ๆ ตั้งแต่ปี 2554 เจ้าเสือคันนี้เลยเป็นได้จักรยานทางใกล้ ไว้จ่ายกับเข้าเท่านั้น

ไม่นานต่อมา ยางในรั่ว เลยไม่ได้ซ่อมปล่อยเอาไว้เลย เพราะซ่อมไป ก็ยังไม่สามารถเอาทางไกลได้อยู่ดี

ปฐมบท เมื่อหัวใจมันเรียกร้อง

ขี่จักรยานทางไกล ฝันเล็ก ๆ ที่อยู่ในใจ

ความฝันของเด็กผู้ชายคนหนึ่งคือการได้ขี่จักรยานดี ๆ สักคัน เอาไว้ขี่ทางไกล ความฝันนี้เก็บเอาไว้ในใจตั้งแต่สมัยยังเรียนไม่จบ จนเวลาล่วงเลยมา 10 กว่าปี จนวันหนึ่ง ได้ถามตัวเองว่า มัวทำอะไรอยู่ ทำแต่งาน แล้วได้อะไร ชีวิตหน้าที่การงานก็มั่นคงแล้ว ถึงเวลาหรือยังที่จะทำตามความฝันของตัวเองซะที ตัดสินใจ จะขี่จักรยานทางไกลให้ได้ ไม่เอามาก ขอแค่ 500 กิโล เป็นเป้าหายในการขี่จักรยานทางไกลก็พอ

มกราคม 2556 วันที่ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องทำตามฝันของตัวเอง ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเริ่มหาข้อมูล การขี่จักรยานมีอะไรกันข้าง ขี่อย่างไร การฝึกฝน มาตรการขี่ทางไกล อุปกรณ์ การเตรียมตัว การเลือกรถ โอ้โห เยอะแหะ จะเริ่มอย่างไรหละคราวนี้

เริ่มต้นหาข้อมูล

สิ่งแรกที่คิดถึง แน่นอน เข้าอินเตอร์เน็ต เริ่มค้น ก่อนอื่นเริ่มค้นเกี่ยวกับบอร์ด กระทู้ต่าง ๆ ของจักรยาน ชมรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับจักรยาน เพื่อเตรียมเอาไว้เป็นแหล่งข้อมูล ก็พบว่ามีแหล่งข้อมูลใหม่อยู่ 2 แหล่ง

ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย
กับ
Thailand Cycling Community

ทั้ง 2 แหล่งนี้เป็นแหล่งของมูลที่ดีมากในการขี่จักรยาน
นอกจากนั้น ยังใช้ Google ช่วยอีกในเรื่องการค้นหาข้อมูลที่เราต้องการเฉพาะเรื่อง โดยเฉพาะ เรื่องข้อมูลทางเทคนิคของรถ การศึกษาข้อมูล ถ้าทำกันอย่างจริงจังแล้ว ประมาณ 2 สัปดาห์ก็จะเข้าใจว่า สิ่งที่เรากำลังศึกษามีโครงสร้างของข้อมูลเป็นอย่างไร และเราจะเตรียมตัวขี่จักรยานทางไกลอย่างไร