15 ตุลาคม 2556

เลือกรถคนที่ใช่

จากการตัดสินใจแล้วว่า จะขี่จักรยานแน่นอน
ปัญหาใหญ่ของการเริ่มต้นขี่จักรยานคือ จะใช้รถอะไรในการขี่ เพราะรถแต่ละแบบ ก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันไป สามารถแบ่งได้ตามลักษณะการใช้สอยได้ดังนี้

รถเสือหมอบ
 จะเป็นรถที่เน้นความเร็วอย่างเดียว ลักษณะรถจึงเล็ก เพรียว เบา ลู่ลมที่สุด  ไม่มีอุปกรณ์ซับแรงกระแทก หน้ายางเล็ก แคบ เพื่อลดแรงเสียดทานกับพื้นถนน  ความทนทานน้อยกว่าเสือภูเขา

รถเสือภูเขา
สือภูเขา  จะมีโครงสร้างที่ใหญ่ แข็งแรง แต่เบา  แต่ก็หนักวก่าเสือกมอบ มีการติดช๊อคอัพ เพื่อดูดซับแรงกระแทก  มีหน้ายางที่ใหญ่ และมีดอกยางใหญ่ เพื่อการตะกุยดิน   รถแบบนี้ จะเน้นความทนทาน เพราะเน้นใช้งานสมบุกสมบัน   แต่จะมีท่านั่งที่สบายกว่าเสือหมอบ   ดังนั้น จึงมีคนนิยมนำมาขี่ในระยะใกล้ๆมากกว่า

รถ Hybrid
เป็นลูกครึ่งระหว่างเสือหมอบ กับเสือภูเขา เาชการใช่ตัวถังเสือภูเขา แต่ใน่ล้อเสือหมอ หรือ ตัวถังหมอบ ใน่แฮนด์ เสือภูเขา เป็นรถที่ออกแบบมาให้ใช้งานแบบ คละเคล้ากันระหว่างวิ่งบนถนน อาจจะวิ่งทางดินได้บ้าง

รถ Touring
อันนี้ชื่อบอกตรงๆ ว่าเอาไว้ขี่เที่ยวไกลๆ ตัวรถจะออกแบบมาให้นั่งขี่ได้นานๆ สามารถยรรทุกของได้ โดยเฉพาะอุปกรณ์ยังชีพ ญึ่งมีหลายคนได้นำเสือภูเขา หรือเสือหมอบมาดัดแปลงก็ได้ แต่ touring พันธุ์แท้ จะมีโครงสร้างและท่านั่งบนรถที่ไม่เหมือนกหมหรือภูเขา ตัวถังจะหนัก เพื่อห้เกิดความสมดุลระหว่างขี่ และไปได้ขี่เรื่อยๆ

รถ City bike เป็นรถที่ออกแบบให้ขี่ง่ายๆ ไม่เน้นความเร็ว อาจจะไม่มีเกียร์ก็ได้ ชื่อก็บอกไว้ขี่ในเมือง ดังนั้น จึงไม่ได้มีโครงสร้างที่ออกแบบให้ทนต่อแรกกระแทก กระโดด อะไรมากมาย ถ้านึกไม่ออกให้คิดถึงจักรยานแม่บ้านประมาณนั้น

รถพับ
อันนี้มาแนวขี่ในเมืองเป็นหลัก ตัวรถจะต้องพับเพื่อย่อส่วนได้ ให้สามารถพกพาได้สะดวก บางครั้งสามารถพับแล้วเข็นได้ หรือพับแล้วนั่งได้ แต่โครงสร้าง ก็มีหลายแบบตั้งแต่ย่อส่วนเสือหมอบ ย่อส่วนทัวร์ริ่ง ยีอส่วนเสือภูเขา หรือพับเอาดื้อ ไม่ย่อส่วนเลยก็มี จักรยานพับ จะมีข้อจำกัดหลายอย่าง ตั้งตัวถังที่พับได้ ทำให้มีข้อต่อเพิ่มขึ้น มีโอกาสหักได้มากขึ้น หรือมีขนาดเล็ก ทั้งล้อ ทั้งตัวถัง การขับขี้จะสู้รถใหญ่ไม่ได้ ดังนั้นการผลิตต้องอาศัยเทคโนโลยีในการผลิตค่อนข้างสูง

ในการเลือกรถนั้น ในเลือกตามการใช้งาน และความชอบของตนเอง ถ้าคนที่ต้องการปั่นเร็วๆ แรงๆ ต้องเสือหมบเท่านั้น แต่ต้องการความนุ่มนวล และมีแรงเยอะๆ ก็ต้องเสือภูเขา หรือต้องการขี่เพื่อการท่องเที่ยวไกลๆ เป็นหลักต้อง Touring หรือต้องการขี่ไปทำงานต้องจักรยานพับ แต่ทุกอย่าง สามารถขี่ทางไกลได้ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับใจและแรงของแต่ละคน....

14 ตุลาคม 2556

เมื่อแรกจับแฮนด์ และก้นติดอาน

หลังจากที่เลือกซื้อจักรยานได้แล้ว ใจก็เรียกร้องด้วยความกระหายเป็นอย่างยิ่ง ให้ออกไปท้าลมท้าแดด และทดสอบแรงของตัวเอง เป็นคำพูดที่ดูสวยหรูทีเดียว

วันแรกก็ได้เรื่อง
หลังจากที่เริ่มขี่จักรยานคันใหม่ โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยขี่จักรยานมีโช้ค ให้ทำความคุ้นเคยกับจักรยานก่อนสักระยะ ลองขี่ในถนนรูปแบบต่าง ๆ ก่อน เพราะ การรับน้ำหนัก และการทรงตัว ไม่เหมือนกับจักรยานไม่มีโช้คเลย ดังนั้น คนที่ติดจะเอาจักรยาน กระโดด มันจะโดดไม่ขึ้น เพราะโช้คจะดูดซับแรงไว้ทั้งหมด ผู้เขียนรู้ซึ่งเป็นอย่างดี เพราะเอาไปกระโดดขึ้นฟุตบาท และกระโดดไม่ขึ้น ล้มกลิ้งไม่เป็นท่าเลย ถลอกปิกเปิดกันไป

ประมาณแรง
การขี่จักรยาน เป็นการออกกำลังกายที่ผลาญแรงแบบไม่รู้ตัว เพราะไม่ได้ออกแรงมากในแต่ละครั้ง (ยกเว้นพวกที่เร่งความเร็วสุดๆ) แล้วมีลมปะทะตัวเองตลอดเวลา ทำให้รู้สึกว่าเย็น ไม่ร้อน แต่จริง ๆ ความร้อนเกิดขึ้นแบบมหาศาล ดังนั้น จะเกิดเหตุการณ์ขี่เพลิน ต้องไม่ลืมว่า เวลาขี่จักรยาน จะมี 2 เที่ยว คือ เที่ยวไป และเที่ยวกลับ ห้ามขี่จักรยานจนรู้สึกหมดแรง และค่อยขี่กลับ เพราะจะกลับไม่ถึง คนที่เริ่มหัดขี่ใหม่ ๆ ขี่ได้ 5 กิโลเมตร ก็เก่งแล้ว แบบนี้ต้องการการฝึกฝนค่อย ๆ เพิ่มระยะทาง

หัดซ่อมรถ
จักรยานเป็นอะไรที่มีความแข่งแกร่งและเปละบางในตัวเอง โดยเฉพาะยาง ถนนในประเทศไทย เป็นถนนที่ไม่สะอาด จึงมีเศษแก้ว เศษตะปู และสารพัดเศษที่ทำให้ยากแตกได้มากมาย ดังนั้นต้องหัด เปลี่ยนยาง ถอดล้อ ซ่อมรถง่าย ๆ เป็น และต้องเตรียมอุปกรณ์การซ่อมไปด้วย เดี๋ยวนี้มีขายแบบชุดพกพา เพราะถ้าเกิดยางแตกกลางทาง ปัญหาใหญ่เกิดทันที ไม่รู้จะไปทางไหน หันซ้ายหันขวา ก็ไม่มีคน งานนี้ เดิน เดินอย่างเดียวครับ การที่ซ่อมรถเป็น พร้อมมีอุปกรณ์ จะช่วยให้พาตัวเองรอดวิกฤติได้

ทำใจและฝึกฝน
วันแรกของการขี่จักรยาน จะพบกับความเจ็บปวดหลายอย่าง ตั้งแต่เจ็บกล้ามเนื้อ เพราะไม่เคยขี่ เจ็บก้น อันนี้เป็นทุกคน ไม่ว่าจะใช้เบาะอะไร มีกางเกงแบบไหน แต่นาน ๆ ไปก็ชิน ขี่ 6 ชั่วโมงไม่ต้องใช้กางเกงเจลก็ได้ และเจ็บแสบผิวจากการถูกแดดเผา อันนี้ต้องหาทางป้องกันเอาเอง ทั้งครีมกันแดด และเสื้อผ้า หลายคนท้อตั้งแต่ครั้งแรก เพราะไม่อยากเจอความเจ็บปวด เรื่องนี้ไม่ได้ ต้องฝึกฝน และลืม ๆ มันไป อีกไม่นาน จะขี่จักรยานได้ไกลขึ้นเรื่อย ๆ เอง

น้ำ น้ำ น้ำ
การขี่จักรยาน ต้องการน้ำสะอาดดื่มเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นการออกกำลังที่สร้างความร้อนในร่างกายได้อย่างมหาศาล ดังนั้น ต้องเตรียมน้ำให้พร้อม จิบทีละอึกทุกครั้งที่รู้สึกว่า คอ เริ่ม แห้ง ไม่ควรที่จะจิบเมื่อหิวน้ำมาก ๆ เพราะนั่นแสดงว่าร่างกายขาดน้ำแล้ว ผลพวงของการขาดน้ำจะทำให้ ขาดสมาธิ กล้ามเนื้อเป้นตะคริว หมดแรง ถึงขั้นหมดสติ อันตราย และไม่ต้องกลัวว่าจะปวดฉี่ ไม่มีฉี่แน่นอน เพราะออะมาเป้นเหงื่อหมด เชื่อเหอะ ถ้าขี่จักรยาน 5 ชั่วโมง ดื่มน้ำไป 6 ลิตร ยังไม่ปวดฉี่เลย